ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การแพทย์แผนปัจจุบันหรือการแพทย์แผนตะวันตก มีบทบาทสำคัญในการนำมาใช้ดูแลสุขภาพคนทั่วโลก ด้วยการแบ่งส่วนศึกษาความเป็นไปของชีวิตและร่างกายของมนุษย์อย่างละเอียด ได้แก่การศึกษาอวัยวะของมนุษย์อย่างละเอียดทั้งลักษณะและการทำงาน ทำให้พบสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาความเจ็บป่วยด้วยการประกาศกำจัดศัตรูของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าและทำลายล้างเชื้อโรคผู้รุกรานหรือการกำจัดเนื้องอกและสิ่งแปลกปลอมในร่างกายแม้แต่ปัญหาทางจิตใจก็ฝากไว้กับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะร่างกายของมนุษย์จึงถูกแยกออกเป็นส่วนๆเพื่อพึ่งพิงแพทย์เฉพาะทางผู้ซึ่งแสวงหาความเป็นเลิศในการรักษาเฉพาะโรค จนลืมไปว่ากำลังรักษาคนทั้งตัวและหัวใจมิได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บเพียงอย่างเดียว
เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการแพทย์แผนปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่ยากและร้ายแรงได้อย่างดีเยี่ยม เช่น การติดเชื้อรุนแรง การผ่าตัด การเปลี่ยนอวัยวะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนไทยอีกจำนวนมากกำลังแสวงหาทางเลือกในการดูแลสุขภาพใหม่ที่ประหยัดปลอดภัยและมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังยึดมั่นในพิธีกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น การบวงสรวง การใช้เวทมนต์ ทำให้มีคำถามอยู่เสมอว่าทำไมจึงต้องแสวงหาทางเลือกใหม่ ทั้งๆที่การแพทย์แผนปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก คำตอบคือความเป็นการแพทย์องค์รวมได้สูญหายไปด้วยระบบแยกส่วนศึกษาและระบบผู้เชี่ยวชาญ ทำให้แพทย์ดูแลเฉพาะเรื่องที่ตนศึกษาเท่านั้น ดังนั้น จึงพบเสมอว่าการรักษาโรคหรือกำจัดเชื้อโรคประสบความสำเร็จแต่ผู้ป่วยต้องทุกข์ทรมานจากความพิการทั้งทางร่างกายและจิตใจ จากภาวะแทรกซ้อนของโรคและจากโรคหมอทำ แม้บ่อยครั้งที่แพทย์แผนปัจจุบันพยายามที่จะนำความเป็นองค์รวมกลับคืนมา
ด้วยการให้ความสำคัญแก้ปัญหาผู้ป่วยเบ็ดเสร็จทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงสิ่งแวดล้อม แต่น่าเสียดายที่การให้บริการเช่นนั้นมิอาจทำได้เต็มที่ เพราะขาดแคลนแพทย์ อีกทั้งการแยกส่วนและแบ่งหน้าที่ดูแลเฉพาะทางมากเกินไปจนยากที่จะรวมแนวคิดกลับคืนมา
ปัจจุบันคนทั่วโลกหันมาสนใจการใช้สมุนไพรและดูแลสุขภาพก่อนเกิดอาการกันมากขึ้น องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ใช้การแพทย์ทั้งสองแผนคู่ขนานกันไปในการแพทย์แห่งชาติของแต่ละประเทศ เนื่องจากการดูแลก่อนเกิดอาการย่อมดีกว่าเกิดอาการแล้ว ทั่วโลกจึงได้ส่งเสริมให้มีการแพทย์ดั้งเดิมของแต่ละประเทศโดยมีการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐ นอกจากนี้การแพทย์แผนโบราณเป็นการแพทย์ที่ไม่แพง ประหยัดงบประมาณ การเสียดุลของรัฐในการนำเข้ายา สมุนไพรหาได้ในท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องหาซื้อ จึงเหมาะกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนักในปัจจุบัน
ในประเทศไทย ยาสมุนไพรทั้งแผนโบราณรูปแบบยาตำรับและรูปแบบสมุนไพรเดี่ยว ได้รับการคัดเลือกเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติโดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกใช้ยาแผนไทยมากขึ้น นอกจากนี้หากเป็นการรักษาอาการพื้นฐาน ได้แก่ ท้องเสีย ท้องร่วง ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ โรคผิวหนัง ได้มีประกาศเป็นยาสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน 67ชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาอาการได้เทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตามการรักษาแบบแพทย์แผนไทยยังคงมีข้อด้อยอยู่ เช่น
1.โรคบางชนิด ต้องใช้การแพทย์แผนปัจจุบัน เช่นโรคหัวใจ โรคที่ต้องผ่าตัด เช่น ไส้ติ่ง หรืออุบัติเหตุ ฉุกเฉิน
2.โรคเรื้อรัง ร้ายแรง ที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใช้สมุนไพรรักษาได้ โรคสุนัขบ้ากัด บาดทะยัก
3.การนำมาใช้ ต้องถูกต้อง คือถูกต้น ถูกส่วน ถูกวิธี ถูกขนาด และถูกโรค บางชนิดเป็นยาที่มีอันตราย
4.ประชาชนที่ด้อยโอกาสเข้าถึงความรู้ มักถูกหลอกลวงง่าย ในเรื่องสรรพคุณของยาแผนโบราณ ที่โฆษณาเกินความจริง
อ่านเพิ่มเติม